เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๔ พ.ย. ๒๕๕๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมมะเนาะ ให้ธรรมเป็นทาน ให้ธรรมเป็นทาน ให้ธรรมคือให้สติปัญญาเป็นทานไง ถ้ามีสติปัญญา คนเราจะมีศรัทธาความเชื่อ คนเรามีความเชื่อ ถ้ามีความเชื่อ ชีวิตเรามีความหวัง ถ้าคนไม่มีความเชื่อ ไม่มีสิ่งใดเป็นที่มุ่งหวังเลย ชีวิตลอยลมไง

เรามีความเชื่อของเรา มีความเชื่อความศรัทธา ถ้ามีความเชื่อความศรัทธา เชื่อในอะไร ถ้าเชื่อ พ่อแม่เราพาเข้าวัดเข้าวา เชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เชื่อในรัตนตรัย ถ้าเชื่อในรัตนตรัย องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างสมบุญญาธิการมามหาศาล เกิดเป็นพระโพธิสัตว์ เวลาองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์รื้อค้นอยู่ ๖ ปี เวลาเกิดเป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม มีพระพุทธกับพระธรรม องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมๆ ขึ้นมา พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม นี่แก้วสารพัดนึกของเราไง

ถ้าเรามีศรัทธาความเชื่อของเรา เชื่อในรัตนตรัย เชื่อในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ามีความเชื่ออย่างนั้น ดูสิ ประเพณีวัฒนธรรมของเรา วันพระ วันโกน เราไปวัดไปวาเป็นกันไง ไปวัดไปวา วางจากงานทางโลก งานทางโลกที่ว่ามันทุกข์ยาก มันทุกข์ยากเพราะหาเลี้ยงชีวิต ปัจจัยเครื่องอาศัยดำรงชีวิตนี้ไว้ แต่ชีวิตนี้มันมีค่าๆ มีค่าเพราะความรู้สึกอันนี้ไง

สิ่งใดถ้าเป็นบุญกุศลมันมีความสุขของมันนะ ถ้าเป็นบาปอกุศลมันจะเป็นความทุกข์ความยาก ความบีบคั้นหัวใจนั้น ถ้าเป็นกิเลส กิเลสสิ่งใดที่มันแสวงหามาเพื่อปรนเปรอมัน สิ่งนั้นมันเป็นความสุขของมัน เป็นความสุขของกิเลส กิเลสมันล่อ มันยุมันแหย่ มันให้แสวงหาสิ่งนั้นมา แสวงหาสิ่งนั้นมาแล้วมันบอกมันจะพอใจ มันก็ยุแหย่ต่อไปเรื่อยๆ ก็แสวงหามาปรนเปรอมันทั้งหมดใช่ไหม เวลาปรนเปรอทั้งหมดถึงที่สุดแล้ว เวลาเราทำจนพอใจมันแล้ว มันไม่เห็นชมเราเลย มันไม่เห็นชมเราเลยว่าทำเพื่อประโยชน์กับมันๆ กิเลสวัฏฏ์ กรรมวัฏฏ์ วิปากวัฏฏ์ กิเลสมันมีการกระทำ กิเลสมันยุมันแหย่ มันยุมันแหย่มีการกระทำ มีการกระทำแล้ว สุดท้ายแล้วจิตเป็นผู้รับไว้ทั้งนั้นเลย จิตเรานี้เป็นผู้รับไว้ทั้งนั้น เห็นไหม

วันพระๆ ดูสิ ถ้ามีศรัทธาความเชื่อของเขา เวลาบุญกุศลทางโลก สร้างโบสถ์วิหาร หล่อพระ หล่อพระพุทธรูป หล่อพระภายนอกๆ มันต้องมีศรัทธามีความเชื่อมันถึงมีศิลปะวัฒนธรรมที่สวยงามอ่อนช้อย ความอ่อนช้อยอย่างนี้ การสร้างพระๆ เป็นบุญกุศลมหาศาล การสร้างพระ ชักชวนกันมา มันเป็นธรรมยังทำได้ยาก ทำได้ยากไง การทำได้ยากๆ มันต้องมีความศรัทธามีความเชื่อของเขา มีความละเอียดอ่อนในหัวใจ นี่สร้างพระจากภายนอกมันก็แสนทุกข์แสนยากขนาดนั้น ความแสนทุกข์แสนยากขนาดนั้นก็เพื่อบุญกุศล เพื่อผลของวัฏฏะ

แต่เวลาสร้างพระภายในๆ ไง เวลาสร้างพระภายใน ช่างปั้นที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และช่างปั้นที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นไง เวลาท่านปั้นหัวใจขึ้นมา ปั้นหัวใจขึ้นมาเพราะว่าท่านมีความสามารถในการปั้นใจของท่านก่อน ท่านมีความสามารถในการปั้นใจของท่านขึ้นมามันมีแบบอย่าง เห็นไหม วิธีการการกระทำอันนั้นท่านได้ทำของท่านประสบความสำเร็จของท่านแล้ว ท่านทำของท่านประสบความสำเร็จแล้วท่านถึงพยายามมาปั้นแต่งพวกเรานี่ไง ถ้าปั้นแต่งพวกเรา พระภายในๆ ไง

พระภายนอก เวลาพระภายนอก การกระทำ ประเพณีวัฒนธรรมนะ มันมองเห็นได้ มันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ พอจับต้องได้ เราจะมีความสุข เรามีความสุขมาก เกิดในสังคมที่ร่มเย็นเป็นสุข เรามีความสุข ความสงบ ความระงับของเรา เราพอใจของเราไง ถ้าสังคมอย่างนั้นมันชื่นใจไง มันเปรียบเทียบได้ ในสังคมสังคมหนึ่งที่มีแต่ความเข้าใจกัน มีแต่ความสามัคคีกัน กับสังคมหนึ่งมีแต่ฉกชิงวิ่งราวต่อกัน มันเดือดร้อน เดือดร้อนไปหมด มันจับต้องของของมันได้

แล้วสังคมภายใน สังคมภายในของเรา เราจะมาปั้นพระของเรา เราจะมาสร้างคุณงามความดีของเราไง มาวัดมาวามาวัดใจของเรา จะเอากว้างแคบแค่ไหน จะเอาพระองค์ใหญ่องค์น้อยแค่ไหน

นี่ก็เหมือนกัน มาวัดหัวใจของเรา เรามีศีลมีสมาธิในใจของเรา จะวัดหัวใจของเรา ถ้าวัดหัวใจของเรา เราทำสิ่งนี้ขึ้นมา นี่วันพระ ถ้าวันพระ พระในใจๆ เราพยายามสร้างของเราขึ้นมา พระในใจๆ มันต้องต้องจิตใจที่ละเอียดรอบคอบนะ ถ้าจิตใจไม่ละเอียดรอบคอบ จากพระภายนอกๆ แล้วพระภายนอก เวลากิเลสตัณหา นั่นน่ะมันเป็นอิฐหินปูนทราย มันเป็นทองเหลือง มันเป็นอะไร ติฉินนินทากันไป ครูบาอาจารย์ ถ้าใจมันหยาบ มันหยาบอย่างนั้น มันเข้าไม่ถึงไง

เวลาไปเห็นเหล็กแค่มันเป็นแร่ธาตุ แต่ไม่เห็นคุณงามความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาให้ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาพระไปประพฤติปฏิบัติในป่าในเขา โดนผี โดนทุกอย่างกลั่นแกล้ง ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กลับไปใหม่ ให้ระลึกถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆ เวลาระลึกถึง ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ยังเป็นที่พึ่งของเราได้ ถ้าเราระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระศาสดาของเรา

พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเราเป็นผู้ที่ฉลาด เลือกนับถือพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำหัวใจ เป็นศาสนาประจำชาติ ถ้าปู่ย่าตายายของเรามีความฉลาด สิ่งนี้ท่านเลือกนับถืออยู่แล้ว แม้แต่ปู่ย่าตายาย ผู้ที่ฉลาดท่านยังเคารพนับถือของท่าน แล้วเราล่ะ เราจะเคารพ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ของเรา ถ้าเราเคารพ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ของเรา จิตใจของเรามันมีที่พึ่ง มีที่ระงับ มันมีที่เกาะเกี่ยวไง มันไม่เร่ร่อน

แล้วบอกเวลากิเลสมันยุมันแหย่นะ "ไอ้นั่นมันหิน มันทราย มันปูน ไอ้นั่นมันทองเหลืองน่ะ" นี่อวดรู้ อวดรู้จะทำจิตใจตัวเองให้เร่ร่อน แต่มันไม่ระลึกถึงคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมตตาคุณ ปัญญาคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาจะตรัสรู้ธรรมขึ้นมา เป็นพระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย ท่านบากบั่นมาขนาดไหน ท่านขวนขวายมาขนาดไหน เวลาท่านจะทำของท่านขึ้นมาประสบความสำเร็จในใจของท่านแล้วท่านเผื่อแผ่ๆ เผยแผ่ธรรมๆ

อานนท์ ไม่มีกำมือในเรานะ เปิดเผย แจ่มแจ้ง พยายามให้พวกเราประพฤติปฏิบัติ จะปั้นพระในใจๆ ท่านเปิดเผยของเรา แต่ในเมื่อจิตใจมันยังหยาบอยู่ ก็ให้ระดับของทานก่อน ถ้าระดับของทาน ทานในการเสียสละขึ้นมาเป็นบุญกุศล บุญกุศล กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมมันหอมทวนลม กลิ่นของทาน กลิ่นของคุณงามความดี กลิ่นของคนดี สังคมมันก็ร่มเย็นเป็นสุข ไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะเรามีศีล นี่ไง ระดับของทานๆ ถ้าระดับของทานๆ ระดับศีล ระดับสมาธิ ระดับภาวนา มันก็ต้องพยายามปลุกปลอบขึ้นมา พยายามให้กำลังใจขึ้นมาไง เราจะสร้างของเรา

ถ้าเราจะสร้างพระขึ้นมา สร้างที่ไหน สร้างพระภายนอก สร้างเสร็จแล้วมีคนสร้างพระมากเลย สร้างเสร็จแล้วจะไปบริจาควัดไหน วัดไหนไม่เอาต้องหาที่ตั้งๆ ของเรา สร้างของเรา เราหาที่ของเราไว้ก่อนไง ถ้าหาที่ของเรา หาหัวใจของเราให้ได้ไง ทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบ พระเราจะตั้งตรงนี้ พระเราจะตั้งอยู่ตรงนี้ ตรงหัวใจนี้

ถ้าเราจะตั้งตรงหัวใจ ทำความสงบของใจเข้ามา แล้วจะเอากว้างเอาแคบขนาดไหน มีอำนาจวาสนาบารมีขนาดไหน เวลาจิตมันสงบเข้าไปแล้วมันเห็นแสงสว่าง เห็นต่างๆ ขึ้นมา เห็นก็คือเห็น เห็นอันนั้นคือเครื่องเคียง ไม่ใช่ความจริง ความจริงคือจิตสงบ ความจริงคือจิตสงบ ถ้าเห็นหรือไม่เห็นนั้นไม่สำคัญ สำคัญว่าเรามีสติสัมปชัญญะ สัมมาสมาธิจะมีสติตลอด ถ้ากำหนดพุทโธ ใช้อานาปานสติ ถ้ามันละเอียดเข้าไป ละเอียดเข้าไปพร้อมกับสติปัญญาของเรา ถ้าพร้อมสติปัญญาของเรา เราจะหาที่ของเรา เราจะตั้งพระตรงนี้ จะตั้งพระตรงนี้ นี่หาที่ของเรา

แล้วเราจะตั้งพระของเรา พระจะตั้งที่มันเป็นฐานพระ เป็นสมถกรรมฐาน ฐานที่ตั้งแห่งการงาน เวลาจะปั้นพระขึ้นมา นี่ไง เวลาปั้นพระขึ้นมาก็ทำงานๆ ไง ตบแต่งขึ้นมาในหัวใจ ตั้งบนฐานอันนี้ไง ฐานอันนี้เป็นฐานบนที่หัวใจอันนี้ไง ถ้าฐานบนหัวใจอย่างนี้ มันมีสติสัมปชัญญะ มันมีสติพร้อม มันรู้พร้อม มันมีความสุข มีความสุข จิตสงบมันก็สุขมหาศาลอยู่แล้ว แล้วยิ่งกำลังตบแต่ง กำลังวิปัสสนา กำลังจะปั้นแต่งขึ้นมา โอ้โฮ! มันอยากได้อยากดี โอ้โฮ! มันทำของมันนะ มันเพลิดเพลินของมันน่ะ

เวลาคนมันทุกข์มันยาก มันก็ทุกข์ยากทางโลก เวลามันจะมีความสุขความสงบของมัน แม้แต่การกระทำในใจของตน จิตสงบก็มีความสุขอันหนึ่ง วิปัสสนาไปถ้ามันปล่อยมันวางขึ้นมามันมีความสุขมากกว่านั้น มีความสงบระงับมากกว่านั้น มีความพอใจมากกว่านั้น มันมากมาจากไหนล่ะ

หัวใจดวงใดไม่มีมรรค หัวใจดวงนั้นไม่มีผล มรรคผลก็คือการกระทำของเรานี่ไง มรรคผลก็คือที่เรามาขวนขวายอยู่นี่ไง ถ้ามันขวนขวายอยู่นี่ เวลาผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาแล้วก็บอกว่าทำเปล่าๆ ไม่เห็นได้อะไรเลย

ไม่เห็นได้อะไรเลย เราก็ฝึกหัดไง เราค้นสถานที่ของเราไง ดูสิ เวลาเขาหล่อพระขึ้นมาแล้วไปถวายวัด วัดยังไม่รับเลย บอกว่าที่นี่เต็มหมดแล้ว รับไม่ได้

เขาหล่อพระๆ เขายังหาที่ตั้งของเขา หล่อพระอย่างนั้นมา ธรรมมะเป็นสาธารณะ ธรรมมะเป็นธรรมชาติ เพราะธรรมชาติ ธรรมชาติมันก็วนอยู่ธรรมชาตินั้นไง แต่ถ้าเป็นความจริงของเรานะ ความจริงของเราสิ อันนั้นมันธรรมมะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปริยัติก็ต้องมีการศึกษา ทางโลกมีการศึกษาทั้งนั้นน่ะ คนเรามีการศึกษา ศึกษามาแล้ว ศึกษามาจนบอกว่าไอ้นั่นก็เป็นแร่ธาตุ ไอ้นั่นก็เป็นทองเหลือง

มันศึกษามาจนตัวเองไม่มีหลักเกณฑ์อะไรเลยหรือ ศึกษามาๆ อันนี้มันสัญลักษณ์ คนเรามันยังโง่ๆ อยู่ มันไม่มีที่พึ่งอาศัย ผ่านวัดก็ยกมือไหว้ทีหนึ่ง ไหว้อะไรก็ไม่รู้ เวลาขับรถผ่านวัดยกมือไหว้ทีหนึ่ง แล้วใจของตนล่ะ

การยกมือไหว้นั้นมันก็ดีอย่างหนึ่ง ดีอย่างหนึ่งคือว่ามันนอบน้อมไง ยังยอมรับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จิตใจยังนอบน้อมอยู่ ยังนอบน้อมในรัตนตรัยก็ยกมือไหว้หนหนึ่ง นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่เราว่ามันเป็นแร่ธาตุๆ มันแร่ธาตุมาจากอะไร

ถ้ามันเป็นการนอบน้อม การยอมรับ อันนั้นจิตใจมันมี คนเราเวลามันทุกข์มันยากมันอยากให้หาคนช่วยเหลือเจือจาน นี่ก็เหมือนกัน จิตใจเวลามันทุกข์มันยากขึ้นมา พอมันทุกข์มันยากขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายืนยัน "ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเธอโดนโลกธรรม ๘ เบียดเบียน เธอจงดูเราเป็นตัวอย่าง เธอจงดูเราเป็นตัวอย่าง"

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมขึ้นมา เจ้าลัทธิต่างๆ เที่ยวจาบจ้วง เที่ยวทำลายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตลอด "เธอจงดูเราเป็นตัวอย่าง" ฤทธิ์เดชก็มี จะทำอย่างไรก็ได้ แต่มันไม่สร้างเวรสร้างกรรมไง เพราะท่านให้อภัยทั้งนั้น

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีฤทธิ์มากนะ พระโมคคัลลานะมีฤทธิ์ขนาดไหน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีมากกว่า แล้วที่เขามาติเตียน เขามาโต้แย้งอยู่นั่นน่ะ โธ่! ฤทธิ์ทำทีเดียวไปหมด แต่ไปทำทำไม ทั้งๆ ที่เขามืดบอด มืดบอดด้วยกิเลสตัณหาความทะอยากในใจของเขา เขาอยากเอาชนะคะคาน เขาอยากแสดงฤทธิ์แสดงเดชของเขา ทั้งๆ ที่เขามืดบอดในใจของเขา องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าให้อภัยตลอด ไม่เคยทำร้ายใคร ไม่ทำจริงๆ ทั้งๆ ที่ทำได้ทั้งนั้น แต่ไม่ทำ ไม่ทำเลย เห็นไหม นี่ใจของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง

แล้วเวลาเผยแผ่ๆ เผยแผ่กับพวกเรานี่ไง อยากจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์ก็ต้องให้สัตว์มันฉลาด สัตว์ตัวนั้นที่จะเข้าสู่สายพานบุญ สายพานมรรคผลขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องเป็นผู้ที่ฉลาด ฉลาดที่ไหน ฉลาดในใจของตนไง ฉลาดในสติปัญญาของเรานี่ไง ถ้ามันฉลาดขึ้นมามันก็พลิกแพงหัวใจเข้าสู่สายพานนั้นไง

ถ้ามันไม่ฉลาดนะ นอน นอนแผ่เลย เอาสายพานมารับ เขาจะเอาลิฟต์มารับ รับไปไหน รับไปพญามารนั่นไง รับไปสู่อวิชชาน่ะ รับไปสู่ความไม่รู้ไม่เห็นอันนั้นไง

แต่ถ้ามันเป็นจริงๆ ขึ้นมา เราศึกษาค้นคว้าของเรา ถ้าเราฉลาด องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมๆ เผยแผ่ธรรมขึ้นมา เราจะหาที่ตั้งพระของเรา เราจะปั้นพระจากภายในของเรา เราทำของเราขึ้นมานะ

วันพระวันเจ้า พระเป็นผู้ประเสริฐ หัวใจเป็นผู้ประเสริฐไหม แค่ทำความสงบของใจเข้ามานะ จิตสงบเข้ามา ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แค่เข้าไปสัมมาสมาธิ มันตื่นในโพลงในกลางหัวใจ มันเข้าใจชีวิตนะ สิ่งที่มันเข้าใจชีวิต มันเข้าใจเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด มันเข้าใจเรื่องจิต เรื่องข้างนอกมันวางหมด เรื่องข้างนอกมันเหมือนเรื่องดูหนังดูละคร ไม่ใช่เรื่องของเรา เราไปดูหนังดูละคร เราก็ไปตามอารมณ์นั้น

นี่ก็เหมือนกัน เรื่องของวัฏฏะๆ แต่มันเป็นจริงๆ นะ ชีวิตเราต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย แต่มันเป็นเรื่องของวัฏฏะไง พอมันเข้าไปสู่ความสงบแล้วมันแช่มชื่น ชื่นบานในหัวใจ มันไม่ต้องพึ่งพาอาศัยปัจจัย ๔ ไง มันสุขโดยตัวมันเอง มันปล่อยหมด มันวางนะ ข้างนอกก็อยู่เก้อๆ เขินๆ อย่างนั้นน่ะ ถ้ามันเป็นความจริง ถ้าเป็นความจริงอย่างนี้แล้ว

แล้วที่บอกว่า ปู่ย่าตายายของเราท่านฉลาด ท่านนับถือพระพุทธศาสนา ท่านยังเคารพนับถือในพระรัตนตรัย เวลาเราก็มีหลักเกณฑ์ของเรา เราก็เชื่อ มีศรัทธาความเชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลาจิตมันสงบเข้าไป นี่! นี่! นี่! นี่มันกลางหัวใจเลย มันเป็นสัจจะมันเป็นความจริงเลย มันยิ่งแนบแน่น มันยิ่งเคารพศรัทธา

เวลาครูบาอาจารย์ประพฤติปฏิบัติไป เวลาท่านสิ้นกิเลส กราบแล้วกราบเล่า กราบแล้วกราบเล่า กราบคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งๆ ที่ ๒,๐๐๐ กว่าปี เราไม่เคยเห็นตัวจริงของท่านเลย เรายังเชื่อมั่นขนาดนั้น เรายังคารวะขนาดนั้น

ทีนี้ทางโลกศึกษาๆ ศึกษามาบอกอันนี้เป็นแร่ธาตุ นั้นมันทองเหลือง ไปกราบอะไรกัน พวกนี้ด้อยปัญญา

มันพูดไปนู่นน่ะ มันพูดไปอยู่ข้างนอกไง มันพูดถึงแร่ธาตุไง มันไม่ได้พูดถึงหัวใจของคน มันไม่ได้พูดถึงศรัทธาของคน ไม่พูดถึงภาวนามยปัญญาในใจของคน มันไม่รู้ไม่เห็นน่ะ นี่พูดถึงคนที่อวดอ้างว่ามีปัญญา

แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเรา เห็นไหม ไม่ต้องมีรูปเคารพ ท่านก็ยังกราบของท่านได้ เพราะหัวใจของท่านมั่นคงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น เรากราบที่ไหนก็ได้ เราไม่ได้กราบใครทั้งสิ้น เรากราบระลึกถึงพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เรากราบถึงปัญญาคุณ เมตตาคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรากราบถึงอันนั้น แล้วพยายามสร้างพระของเรา หาที่ตั้ง สมถกรรมฐาน แล้วปรุงแต่งปั้นแต่งขึ้นมาให้มันเป็นจริง เป็นจริงด้วยมรรคด้วยผลนะ ไม่ได้เป็นจริงด้วยจินตนาการ เป็นจริงด้วยการคาดเกณฑ์ ไม่เอา

เอาจริงๆ เอาจริงๆ มันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก เป็นความจริงกลางหัวใจดวงนั้น เอวัง